ประวัติ: พ.ศ. 2516 โรงเรียนได้รับอนุมัติจากกรมสามัญศึกษาให้เปิดสอนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีชื่อว่า “โรงเรียนคลองหลวงวิทยาคม” ในระยะแรกอาศัยศาลาการปรียญวัดบางขันเป็นอาคารชั่วคราวที่ประชาชนและเจ้าอาวาสวัดบางขันช่วยสร้างให้ เป็นโรงเรียนสหศึคกษา และกรมสามัญศึกษาได้ขอที่ดินจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 50 ไร่ เป็นสถานที่ก่อสร้างโรงเรียน มี นายสนาม รักษาศีล เป็นครูใหญ่
- พ.ศ. 2518 ได้ย้ายมาอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2518
- พ.ศ. 2529 ได้เปลี่ยนชื่อจาก “โงเรียนคลองหลวงวิทยาคม เป็น “โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม” และเป็นโรงเรียนในโครงการร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สถานที่ตั้ง: ตั้งอยู่เลขที่ 69 หมู่ 10 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหวง จังหวัดปทุมธานี บนเนื้อที่ 50 ไร่
ปัจจุบัน: โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษแบบสหศึกษา จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาพาณิชยการ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีนักเรียนชาย-หญิง รวม 3,201 คน มีครู อาจารย์ และผู้บริหาร จำนวน 128 คน โดยมี นายเดชา ธรรมศิริ เป็นผู้อำนวยการ คนปัจจุบัน
สัญลักษณ์ของโรงเรียน: เป็นรูปธรรมจักร หมายถึง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีปิรามิด กลีบบัวบาน และพุ่มดอกบัว ซ้อนอยู่กลางธรรมจักร และมีเลข 2516 ซึ่งหมายถึง ปีที่ก่อตั้งโรงเรียน อยู่ด้านล่างพุ่มดอกบัว
ปรัชญาประจำโรงเรียน: “เรียนดี มีคุณธรรม กิจกรรมเยี่ยม”
บางส่วนของ
โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม
... ในปี พ.ศ. 2543 ปัญหาสารเสพติดได้แพร่กระจายอย่างหนัก
เข้าสู่กลุ่มเยาวชนในโรงเรียน คณะผู้บริหารของโรเงรียนจึงได้กำหนดมาตรการต่างๆ ออกมา
เพื่อเฝ้าติดตามและแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นกันอย่างจริงจัง
โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นถึงตอนปลาย และเปิดสอนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาพาณิชยการ ตั้งอยู่ชานเมืองในเขตปริมณฑล มีนักเรียน 3,201 คน ซึ่งมีความหลากหลายทั้งด้านฐานะและการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัว ดังนั้น ปัญหาของนักเรียนในโรงเรียนก็คือปัญหาของสังคมที่นักเรียนพาติดตัวเข้ามาด้วย ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีอาชีพหาเข้ากินค่ำ ไม่มีเวลาที่จะอบรมเลี้ยงดู หรือติดตามบุตรหลานของตนเท่าที่ควรจะเป็น เพราะยังมีแนวคิดว่าควรเป็นหน้าที่ของทางโรงเรียนที่จะอบรมบ่มนิสัยและขจัดเกลาพฤติกรรมทางสังคม ประกอบกับศูนย์การค้าและแหล่งบันเทิงที่ขยายตัวออกมาจากกรุงเทพมหานคร ทำให้สภาพแวดล้อมของชุมชนและสังคมชนบทเป็นสังคมเมืองและได้นำเอาแบบอย่างที่คนเมืองประพฤติปฏิบัติติดตามออกมาด้วย นักเรียนของโรงเรียนส่วนหนึ่งปรับตัวอเองไม่ได้ เกิดความสับสนในสิ่งที่พบเห็นกับคำอบรมสั่งสอนของครู-อาจารย์ ทำให้เกิดความหลงใหลในสิ่งที่พบเห็นโดยขาดการไตร่ตรอง จึงหนีเรียน ขาดเรียน ไปมั่วสุมกัน อันเป็นเหตุทำให้ผลการเรียนตกต่ำ บางรายต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน และนักเรียนส่วนหนึ่งใช้ยาเสพติดให้โทษประเภทบุหรี่ ยาบ้า และสารระเหยทุกประเภท
จากพฤติกรรมต่างๆ ของนักเรียนที่ผิดไปจากปกติทั่วไป โดยในปี พ.ศ.2543 ปัญหาสารเสพติดได้แพร่ระบาดอย่างหนักเข้าสู่กลุ่มเยาวชนในโรงเรียน คณะผู้บริหารของโรงเรียนจึงได้กำหนดมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อเฝ้าติดตามและแก้ไขปัญหาในเบื้องตันกันอย่างจริงจัง ทั้งประสานกับผู้ปกครองและให้ครู-อาจารย์ เพื่อเป็นผู้ดำเนินการโดยกำหนดให้อาจารย์ที่ปรึกษาทุกคน ต้องตรวจสอบรายชื่อนักเรียนและกำชับนักเรียนมาให้ทันเคารพธงชาติ หากใครมาสาย 2 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ให้ตั้งข้อสังเกตและรีบแจ้งหรือเชิญผู้ปกกครองมาร่วมกันหาทางแก้ไข หรือถ้าติดต่อไม่ได้ให้ไปเยี่ยมบ้านทันที นอกจากนี้ หลังเคารพธงชาติเสร็จแล้ว ครูฝ่ายปกครองยังจะนำรถโรงเรียนออกตรวจในชุมชนที่นักเรียนชอบหนีเรียนและไปมั่วสุมกัน เช่น ร้านเกมคอมพิวเตอร์ ห้างสรรพสินค้า หรือสถานบันเทิงต่างๆ เป็นต้น แล้วรับกลับเข้ามาเพื่อรายงานและทำกิจกรรมในโรงเรียน และยังได้จัดทำไปรษณียบัตรรายงานพฤติกรรมนักเรียน และอื่นๆ ที่ควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบทุกเดือน และสำหรับครูที่ปรึกษาแต่ละท่านจะได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการ “ครูไปเยี่ยมบ้านนักเรียน” ทุกคน ซึ่งจะทำให้ได้รับข้อมูลที่แท้จริงจากสภาพความเป็นจริงของนักเรียน
นอกจากการติดตามดูแลและแก้ไขปัญหาที่ตัวนักเรียนแล้ว ทางด้านการจัดตั้งผู้ปกครองเครือข่ายและการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ องค์กรเอกชนภายนอกโรงเรียน ตลอดจนชุมชนต่างๆ แล้ว ทางโรงเรียนก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการช่วยชี้เบาะแสและแจ้งสถานที่ที่นักเรียนหนีเรียนไปมั่วสุม เพื่อให้ทางโรงเรียนได้ดำเนินการติดตามและรับกลับเข้าโรงเรียน
กลยุทธ์ต่างๆ ของผู้บริหาร และคณะครู-อาจารย์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ในการแก้ไขปัญหาด้านสารเสพติดนั้น ได้เน้นที่การป้องกันและความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาเป็นหลักโดยใช้วิธีต่างๆ อาทิ
วิธีกวนน้ำให้ขุ่น โดยผู้บริหาร และคณะครู-อาจารย์ ได้ตรวจตราความาเป็นระเบียบของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการเข้าชั้นเรียนของนักเรียนตลอดวเลาและอย่างต่อเนื่อง เพื่อสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้
ไม่เปิดโอกาสได้ทำผิด โดยกำหนดให้หนึ่งห้องเรียนมีอาจารย์ที่ปรึกษาจำนวนสองคนคอยให้คำปรึกษานักเรียนและจัดทำทะเบียนประวัตินักเรียน เพื่อให้รู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล และคัดกรองนักเรียนเพื่อส่งเสริมและแก้ไขปัญหานักเรียนตามสภาพจริง
เกลือจิ้มเกลือ เมื่อทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะดำเนินการแก้ไขอย่างฉับพลัน รวดเร็ว และสามารถช่วยเหลือนักเรียนได้ทันเหตุการณ์
ติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครอง โดยการจัดการประชุมผู้ปกครองทุกห้องเรียนทุกระดับเป็นประจำ ปีการศึกษาละ 2 ครั้ง และจัดทำวารสารโรงเรียนเพื่อป็นสื่อกลางระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองได้ทราบความเคลื่อนไหวในกิจกรรมของโรงเรียน
เครือข่ายผู้ปกครอง โดยการเลือกตัวแทนผู้ปกครองห้องเรีนละ 6 คน เพื่อเป็นผู้ปกครองเครือข่ายในการให้ข้อมูล ติดต่อข่าวสารกับทางโรงเรียนทำให้รับทราบข้อมูลของนักเรียนได้เร็วยิ่งขึ้น และโรงเรียนสามารถด้านอื่นๆ ในการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
เฝ้าระวังในที่ลับตา ในบริเวณจุดที่เป็นอันตรายและเสี่ยงต่อการกระทำผิด เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม โดยได้กำหนดให้ครูและนักเรียนที่เป็นแกนนำนักเรียนเครือข่าย ตรวจสอบ สอดส่องดูแลอยู่เสมอ เพื่อเฝ้าระวังมิให้เกิดการกระทำผิดใดๆ
ผลจากมาตรการต่างๆ ได้ทำให้นักเรียนกลับสู่ห้องเรียน ไม่หนีเรียน ไม่เสพหรือค้าสารเสพติดโอกาสที่จะประพฤติผิดก็จะทำได้น้อยลง และหันมาตั้งใจเรียนมากขึ้น โดยประเมินได้จากภาพรวมของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น สถิติการขาดเรียน และการมาโรงเรียนสายลดลง ผลการตรวจปัสสาวะของนักเรียนไม่พบสารเสพติด และนักเรียนปรับปรุงตัวเองดีขึ้นเป็นลำดับ