ประวัติ:
- พ.ศ. 2425 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้นที่พระตำหนักสวนกุหลาบในพระบรมมหาราชวัง
- พ.ศ. 2436 ย้ายออกไปตั้งนอกพระราชวัง แยกเป็น 2 แห่ง
1. ตั้งที่วัดมหาธาตุ เรียกว่า “โรงเรียนสวนกุหลาบไทยวัดมหาธาตุ”
2. ตั้งที่วังหน้า เรียกว่า “โรงเรียนสวนกุหลาบวังหน้า” ต่อมาได้บ้ายไปตั้งที่สวนสุนันทาลัย ปากคลองตลาด เรียกว่า “โรงเรียนสวนกุหลาบ อังกฤษสวนสุนันทาลัย”
- พ.ศ. 2447 ย้ายไปอยู่ที่ตึกแม้นนฤมิต วัดเทพศิรนทร์ เรียกว่า “โรงเรียนสวนกุหลาบอังกฤษเทพศิรินทร์” รอการสร้างโรงเรียนใหม่ที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ)
- พ.ศ. 2453 ย้ายมาร่วมกับโรงเรียนวัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) เรียกว่า “โรงเรียนสวนกุหลาบ”
สถานที่ตั้ง: ตั้งอยู่บนเนื้อที่ของวัดราชบูรณะ เลจที่ 88 ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 มีเนื้อที่ทั้งหมด 11 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา
ปัจจุบัน: โรงเรียนสวนกุหลาบเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของประเทศไทย ในสังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 มี นายสมพงษ์ รุจิรวรรธน์ เป็นผู้อำนวยการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ถึงปัจจุบัน มีครูและอาจารย์ จำนวน 209 คน เป็นชาย 67 คน เป็นหญิง 142 คน มีนักเรียนชายล้วนจำนวน 4,337 คน
คติพจน์ของโรงเรียน: “สุวิชาโน ภว โหติ” ผู้รู้ดีคือ ผู้เจริญ
บางส่วนของ
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
........นโยบายการรับเด็กในพื้นที่ 70%
นับเป็นนโยบายที่ดีในการเปิดประตูโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ให้แก่เด็กที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและย่านชุมชนโดยรอบได้มีโอกาสเข้าเรียน
แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลในการพัฒนานักเรียนให้เก่งและดีโดยรวมลดลง
นอกจากนี้ฐานะทางครอบครัวและความเป็นอยู่ของนักเรียนก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ทางคณะครูและอาจารย์
ต้องลงมาให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งที่เป็นปัญหาต้องแก้ไขและหาทางป้องกัน
จากสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “ปัญหาสารเสพติด”...................
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่พระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อจุลศักราช 1244 (พ.ศ.2425) มีชื่อว่า โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้น เพื่อจะบำรุงฐานะของนายทหารมหาดเล็กให้กลับสูงศักดิ์ดังพระราชดำริ คือรับนักเรียนเป็นราชสกุลและบุตรหลานข้าราชการ นักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบเดิมมีฐานะเป็นนักเรียนนายร้อยทหารมหาดเล็ก ต่อมาพระองค์ได้ทรงแก้ไขวิธีการเรียนเปลี่ยนฐานะนักเรียนจากทหารมาเป็นนักเรียนวิชาสำหรับราชการพลเรือน และเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับ จนกระทั่งปัจจุบัน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยถือเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของประเทศไทย ในสังกัดสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ในจำนวนนักเรียนชายล้วน 4,337 คน นอกจากจะมีปัญหาหลากหลายที่มากับนักเรียนทั่วสารทิศแล้ว 70 % ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดนี่เอง ที่โรงเรียสวนกุหลาบวิทยาลัยต้องเปิดรับนักเรียนจากพื้นที่รอบๆ โรงเรียน ซึ่งมีความเสี่ยงสูง อันเนื่องมาจากชุมชนปากครองตลาดซึ่งเป็นตลาดในเชิงธุริกจที่มีการหมุนเวียนและขนส่งสินค้าอยู่ตลอดเวลา ผู้ใช้แรงงานมีโอกาสจะใช้สารเสพติดเพื่อให้มีความรู้สึกอยากทำงานมากขึ้น จึงเป็นผลพวงให้เกิดการค้าสารเสพติดค่อนข้างมาก นักเรียนจึงมีโอกาสสัมผัสบรรยากาศและสภาพความเป็นจริงที่คุ้นเคยกับการใช้สารเพติดเหล่านี้ได้ง่ายและมีความเสี่ยงสูงหากไม่มีภูมิคุ้มกันดีพอ กอปรกับปัญหานักเรียนที่มีฐานะดีแต่ขาดการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวสามารถใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือย มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับการชักจูงไปสู่สิ่งเสพติดได้ ปัญหาความยากจนและครอบครัวที่แตกแยก หรือปัญหาทางเศรษฐกิจของครอบครัว หากแรงยึดเหนี่ยวที่เป็นภูมิคุ้มกันไม่ดีก็ย่อมจะถูกชักจูงไปสู่การเสพหรือค้าสารเสพติดได้ง่ายเช่นกัน
ปัญหานักเรียนที่เรียนไม่ทันเพื่อนอันเนื่องมาจากพื้นความรู้แตกต่างกันมาก ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้นักเรียนพยายามสร้างปมเด่นให้กับตนเอง ด้วยการหนีเรียนหรือคบเพื่อนพากันไปมั่วสุมตามแหล่งบันเทิงต่างๆ เช่น การเล่นสนุ๊กเกอร์ เล่นเกมส์ การเที่ยวตามศูนย์การค้า การเที่ยวยามค่ำคืน การแข่งรถ การพนันฟุตบอล การลักทรัพย์ เป็นต้น
ที่มาของปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ทำให้คณะครูและะอาจารย์ของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ไข และหาทางป้องกันไม่ให้ปัญหาที่มีอยู่ได้แพร่ขยายออกไปในวงกว้างและหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาซ้ำซ้อน โดยเฉพาะปัญหาทางด้านสารเสพติด เพราะสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ความเป็นปึกแผ่นของคนในสังคมลดลง สถาบันครอบครัวอ่อนแอลง การพึ่งพาสถาบันทางสังคมทำได้ยากขึ้น ดังนั้น เด็กและเยาวชนจึงมีความเสี่ยงสูงในการหันเหชีวิตไปสู่แหล่งอบายมุขต่างๆ ที่นอกเหนือจากสารเสพติด อาทิ การเที่ยวเตร่มั่วสุมตามสถานเริงรมย์ การขีดเขียนทำลายสิ่งสาธารณะ การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรอันอาจทำให้ได้รับเชื้อเอดส์ การทะเลาะวิวาท การทำร้ายตนเอง ฯลฯ และในที่สุดต้องหมดอนาคตทางการศึกษา
คณะครู อาจารย์ และผู้บริหารของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้เข้าใจและตระหนักถึงพิษภัยของสารเสพติดที่ทำลายเยาวชน ทำลายครอบครัว ทำลายประเทศชาติ จึงพยายามุ่ทเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังทรัพย์ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เริ่มตั้งแต่การให้ความรู้ความเข้าใจ ให้มีภูมิปัญญาวินิจฉัยเพื่อเฝ้าระวังตนเองให้รู้จักวิธีการป้องการและปฎิเสธอย่างฉลาด สามารถถ่ายทอดวิธีการป้องกันไปสู่คนใกล้ชิด นำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันให้ครอบครัวและสังคม รวมทั้งมีทางเลือกที่ดีงามในการแก้ปัญหาและพัฒนาตนเองและสังคมต่อไป โดยได้คัดกรองและแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อง่ายต่อการแก้ไขปัญหาและปัองปราม คือ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มที่มีปัญหา
จากนั้น ครูและอาจารย์ของโรงเรียนฯ ก็ได้กำหนดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมากมายทั้งที่ครูและอาจารย์ต้องลงไปดูแลด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด และให้นักเรียนได้ดูแลกันเอง โดยพยายามสอดแทรกเรื่อง คุณธรรมจริยธรรม และให้รู้ถึงข้อดีข้อเสียและโทษของสารเสพติด เช่น
- การอบรมออกค่ายปฐมนิเทศให้แก่นักเรียน ชั้นม.1 และการเรียนรู้ถึงพิพิธภัณฑ์การศึกษาชาติและพิพิธภัณฑ์โรงเรียน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในสถาบันโดยให้เรียนรู้และการศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของโรงเรียนสวนกุหลาบฯ การปลูกฝังและสร้างจิตสำนักเพื่อให้เกิดความสามัคคี ความผูกพัน โดยเฉพาะให้เกิดความรู้สึกรักหวงแหน เชื่อมั่น ศรัทธา และภูมิใจใน “ความเป็นสวนกุหลาบ” โดยจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างระเบียบวินัย การอยู่ร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน มีความเสียสละ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมีโอกาสพบศิษย์เก่าที่ประสงความสำเร็จเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีงาม
- การสนับสนุนให้นักเรียนเล่นกีฬาการเชียร์ การแปรอักษร ดนตรีไทย ดนตรีสากล และวงโยธวาทิต
- การจัดตั้งชุมชนต่าง ถึง 28 ชุมนุม เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นการสร้างภาวะผู้นำให้แก่ตนเอง
- การสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรม เพื่อให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมประเพณีและศาสนา เช่น วันแห่เทียนเข้าพรรษา วันแสดงตนเป็นพุทธามามกะ วันพ่อ วันแม่ งานมุฑิตาจิต โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน โครงการธนาคารความดี ฯลฯ
นอกเหนือจากกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการดูแลนักเรียนปกติและนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และเพื่อปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้นักเรียนได้รู้ถึงข้อดีข้อเสียและโทษของสารเสพติด ตลอดจนโทษของอบายมุขต่างๆ แล้ว นักเรียนที่อยู่ในกลุ่มที่มีปัญปาและกำลังจะเริ่มมีปัญหา คณะครูอาจารย์ก็ได้กำหนดกิจกรรมการดูแลป้องปราม เฝ้าระวังขึ้น โดยนายสมพงษ์ รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้ให้ความสำคัญในปัญหาสารเสพติดและอบายมุขทุกประเภทเป็นอย่างมาก จึงได้สร้างห้องกุหลาบขาวขึ้น เพื่อให้มีการบริการในด้านการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงภัยที่เกิดจากสังคมและสารเสพติด โดยการให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล บริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ ตอบปัญหาทางจดหมาย บอร์ดประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ ให้ความรู้เรื่องเพศ โรคเอดส์ และสารเสพติด บริการแผ่นพับ เอกาสารให้ความรู้ต่างๆ บริการวีดิทัศน์ และวีซีดี และยังมีบริการส่งต่อนักเรียนเพื่อให้เกิดการบำบัดรักษา โดยนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ครูประจำชั้นหรืออาจารย์ที่ปรึกษา ก็จะให้ความเอาใจใส่ดูแลพฤติกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยประสานงานกับอาจารย์ฝ่ายปกครอง ซึ่งมีห้องกุหลาบขาวเป็นองค์กรดูแลแก้ไขพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียน เฉพาะรายบุคคล และอบรมกลุ่ม
ดังนั้น บทบาทหน้าที่ของห้องกุหลาบขาวจึงนับว่ามีความสำรัญมากต่อการแก้ไชและป้องปรามปัญหาสารเสพติด และอบายมุขทุกประเภท เนื่องจากห้องกุหลาบขาวจะทำการศึกษาข้อมูล เก็บข้อมูลต่างๆและใช้กลวิธีในการแก้ปัญหาตามหลักจิตวิทยาร่วมกับงานแนะแนวของโรงเรียนฯ นอกจากนี้ยังสร้างความไว้วางใจโดยการพูดคุยปรึกษาจนนักเรียนเกิดการยอมรับ และยินดีปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บเป็นความลับ
ห้องกุหลาบขาวยังทำหน้าที่ติดต่อประสานกับผู้ปกครองของนักเรียน เพื่อทำความเข้าใจ เสนอแนวคิดให้ผู้ปกครองยอมรับ และให้ความเห็นใจนักเรียน ตลอดจนให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนฯ อย่างเช่น การขออนุญาตตรวจปัสสาวะนักเรียน เป็นต้น
ถ้านักเรียนที่มีอาการเสพติดอย่างรุนแรง (ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก) คณะกรรมการห้องกุหลาบขาวจะติดต่อโรงพยาบาลหรือสถานบำบัด อำนวยความสะดวกให้ผู้ปกครองและสร้างขวัญกำลังใจ ทั้งผู้ปกครองและนักเรียน โดยไม่คิดว่าเป็นความผิด แต่จะให้ความเข้าใจและเห็นใจ รวมทั้งให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งในบางครั้งยังสร้างความเข้าใจกับผู้ปกกครองบางรายให้ตระหนักถึงความสำคัญและจำเป็นต้องรับนักเรียนของตนไปดูแลรักษาที่บ้านด้วยตนเอง
ในการดำเนินการของห้องกุหลาบขาวจะมีนักเรียนอาสาสมัครเป็นสำคัญในการแก้ปัญหา เพราะอยู่ในวัยเดียวกัน สามารถเข้าใจความรู้สึก สร้างมิตรภาพและสร้างความไว้วางใจได้ดี จึงนับเป็นแนวคิดของความร่วมมือที่พัฒนาไปอีกระดับหนึ่งของผู้บริหารโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับจากองค์กรภายนอก เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ปส.) และองค์การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสาธารณสุข (Path) ซึ่งคอยให้คำปรึกษาและอบรมครู-นักเรียน ที่เป็นอาสาสมัครของห้องกุหลาบขาว นอกจากนี้ห้องกุหลาบขาวยังได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายผู้ปกครอง สมาคมครู-ผู้ปกครองโรงเรียนสวนกุหลาบฯ สมาคมศิษย์เก่าฯ มูลนิธิสวนกุหลาบวิทยาลัย ชมรมครูเก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย งานชุมชนสัมพันธ์ของสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง ชุมชนรอบๆ โรงเรียนฯ ที่คอยให้ข้อมูลและช่วยแจ้งข่าวสาร
จากกิจกรรมและผลงานต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติดของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทำให้นักเรียนกลุ่มปกติดและกลุ่มเสี่ยงของโรงเรียนฯ รู้ถึงโทษภัยของสารเสพติดและอบายมุขต่างๆ ตลอดจนกลุ่มนักเรียนที่มีปัญหาก็เหลือลดน้อยและน่าจะหมดไปในที่สุด ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้ง ผู้บริหารของโรงเรียนฯ ยังสามารถประสานความร่วมมือจากสมาคมศิษย์เก่า สมาคมครู-ผู้ปกครอง ชมรมครูเก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยและชุมชนต่างๆ โดยรอบ มาร่วมกันแก้ไขปัญหาและป้องปรามปัญหาร่วมกันได้ และที่สำคัญสามารถทำให้นักเรียนได้รับการปลูกฝังและมีจิตสำนึกในการร่วมกันต่อต้านสารเสพติดและอบายมุขทุกประเภท จนทำให้นักเรียนของโรงเรียนสวนกุหลายวิทยาลัย หันมาร่วมันส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อป้องกัน และลด ละ เลิกสารเสพติดภายในโรงเรียนได้ ซึ่งถือเป็นการช่วยก้ำปัญหาของเด็กและเยาวชน ของสังคม และของประเทศชาติได้ในระดับหนึ่ง