ประวัติ: พ.ศ. 2511 ก่อตั้งขึ้นโดยกองทัพบก โดยมีชื่อเดิมว่า “โรงเรียนบุตรข้าราชการกองทัพบก” เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระการจัดการศึกษาของชาติ และเป็นการตอบแทนข้าราชการสังกัดกองทับพกที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ จะได้ไม่ต้องวิตกกังวบในเรื่องการจัดหาโรงเรียนให้บุตรหลาน
พ.ศ. 2517 ได้โอนให้กระทรวงศึกษาธิการและใช้นามของ จอมพลมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มตรี ผู้บัญชาการทหารบกคนแรกของประเทศไทย เป็นชื่อของโรงเรียน คือ “โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี”
สถานที่ตั้ง: ตั้งอยู่เลขที่ 122 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร บนพื้นที่ 47 ไร่ 1 งาน
ปัจจุบัน: โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เป็นโรงเรียนประเภทสหศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขี้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตัน ถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย มีนักเรียนชาย-หญิงรวม 4,836 คน มีครู-อาจารย์ และผู้บริหาร รวม 204 คน และมีนายสมชัย เชาว์พานิช เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน คนปัจจุบัน
สัญลักษณ์ของโรงเรียน: มงกุฎ คฑา กระบี่ ช่อชัยพฤกษ์ อยู่ภายใต้รัศมีและธรรมจักร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพบก โดยมีชื่อ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี อยู่ด้านล่าง
ปรัชญาประจำโรงเรียน: “ประพฤติดี มีวินัย ใจกตัญญู รู้หน้าที่”
บางส่วนของ
โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
... จากมาตรการและกิจกรรม
ในการแก้ไข ป้องกัน และติดตามประเมินผลต่างๆ
ทำให้ปัญหาสารเสพติดในโรงเรียนลดน้อยลง
และในปีการศึกษานี้ได้หมดไปในที่สุด
โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เป็นโรงเรียนประเภทสหศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตน ถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงดิแดง เขตดินแดง ซึ่งเขตดินแดงเป็นที่ตั้งของชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร สภาพแวดล้อมของชุมชนจะเป็นแหล่งมั่วสุมของอบายมุขจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการพนัน ลักขโมย ทะเลาะวิวาท และสิ่งเสพติดต่างๆ สภาพครอบครัว จะมีปัญหาครอบครัวหย่าร้าง แตกแยก ปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะมีการศึกษาน้อย มีอาชีพรับจ้างและค้าขาย ปัญหาที่อยู่อาศัย ซึ่งในแต่ละครอบครัว จะมีจำนวนผู้อยู่อาศัยมาก แต่พื้นที่ห้องพักมีน้อย จากสภาพเหล่านี้ นักเรียนที่เข้ามาอยู่ในโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี จึงมักจะเป็นนักเรียนที่มีปัญหาดังกล่าวติดตัวเข้ามา ทำให้โรงเรียนต้องรับภาระหน้าที่อันหนักในการที่จะแก้ไขปัญหาและปรับปรุงนักเรียนให้ดีขึ้น
เมื่อปัญหาต่างๆ ได้เข้ามาในโรงเรียน คณะครู-อาจารย์ และผู้บริหารของโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี จึงได้พยายามหาแนวทางที่จะแก้ปัญหา โดยศึกษาแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนโยบายของรัฐบาล ในการปัองกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติดมาปรับใช้ให้เข้ากับสภาพของโรงเรียน โดยได้กำหนดเป็นนบายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้คณะครู-อาจารย์ ผู้ปกครอง นักเรียน ชุมชน และหน่วยงานของรัฐและเอกชน ได้เข้ามีมีส่วนร่วมการแก้ไขและป้องกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนหรือระบบการคัดกรองนักเรียนเข้ามาแบ่งแยกนักเรียนเป็นนักเรียนกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มปัญหาอื่นๆ ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาทุกคนจะต้องดูแลและรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ได้ทำความเข้าใจกับนักเรียนและผู้ปกครอง มีการไปเยี่ยมบ้านนักเรียน เพื่อทราบสภาพปัญหาต่างๆ ของครอบครัว เพื่อจะหาทางป้องกัน แก้ไข หรือส่งเสริมนักเรียน โดยเฉลี่ยครู-อาจารย์ 1 คน จะรับผิดชอบนักเรียนจำนวน 20-25 คน
คณะครู-อาจารย์ และผู้บริหารของโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ได้ให้การเอาใจใส่ความเป็นอยู่ของนักเรียนอย่างใกล้ชิด ได้ทำการสัมภาษณ์นักเรียนและผู้ปกครองอย่างกัลยาณมิตร ทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนเกิดความสบายใจ และยินดีให้ความร่วมมือในกิกรรมต่างๆ ของโรงเรียนเป็นอย่างดี นอกจากนี้โรงเรียนยังได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการบริหารเครือข่ายผู้ปกครอง ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งโดยการรวมตัวของผู้ปกครองที่เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการดูแลและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับตัวนักเรียน โดยการให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล กลุ่ม และได้รับความร่วมมือจากนักจิตวิทยาและสังคมสงเคราะห์เข้ามาให้คำปรึกษาสัปดาห์ละ 3 วัน หากปัญหาที่เกิดเป็นปัญหาที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากเกินกว่าที่โรงเรียนจะดำเนินการได้ ก็จะส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมสุขภาพจิด โรงพยาบาลธัญญรักษ์ นอกจากนี้โรงเรียนยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกที่เข้ามามีบทบาทเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาของฝ่ายปกครองมีส่วนร่วมในการวางแผน เสนอโครงการ จัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกร่วมกัน เช่น สถานีตำรวจนครบาลดินแดง สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ สำนักงานเขตดินแดง เป็นต้น
นอกจากนี้ โรงเรียนยังได้ดำเนินกิจกรรมและวางมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาด้านสารเสพติดของนักเรียนอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
- จัดให้นักเรียนทุกคนได้ถวานสัตย์ปฏิญาณตน ในการที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด
- สร้างสื่อสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับโรงเรียน โดยการเยี่ยมบ้านนักเรียน ประชุมผู้ปกครอง ให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยของสารเสพติด เชิญผู้ปกครองมาปรึกษาปัญหาพฤติกรรมนักเรียน แจกเอกสารใยความรู้เผยแพร่ให้ผู้ปกครองและนักเรียนร่วมมือกับเครือข่ายผู้ปกคตรองเพื่อคัดกรองนักเรียน
- จัดกิจกรรมรณรงค์และป้องกันสารเสพติดในสถานศึกษา โดยการให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักเรียน เช่น จัดให้มีลานดนตรี ลานกีฬา ลานศิลปะ จัดนิทรรศการ การออกค่ายอบรมนักเรียนแกนนำ ธนาคารความดี ฯลฯ
- จัดตกแต่งและปรับปรุงสถานที่และสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนให้สะอาด ร่มรื่น สวยงาม โดยไมให้มีมุมอับ เพื่อลดการมั่วสุมของนักเรียน
- ใช้มาตรการ 3 มาตรการในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติดระยะยาว โดยผสมผสานมาตรการที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย คือ
มาตรการป้องกันและปราบปราม จัดให้มีสารวัตรนักเรียน การตรวจปัสสาวะ ตรวจสุภาพ จัดครู-อาจารย์อยู่เวรยามตามจุดต่างๆ ทั้งในและนอกโรงเรียน จัดตู้รับความติดเห็นและแจ้งเบาะแส
มาตรการแก้ไข โดยเชิญผู้ปกครองมาปรึกษาหารือ หาแนวทางแก้ไข ครู-อาจารย์ติดตามพฤติกรรม ตรวจหาสารเสพติดเป็นระยะในนักเรียนกลุ่มเสี่ยง และจัดทำระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้เป็นรูปธรรม
จากมาตรการและกิจกรรมในการป้องกันแก้ไข และติดตามประเมินผลต่างๆ ทำให้ปัญหาสารเสพติดในโรงเรียนลดน้อยลง และในปีการศึกษานี้ได้หมดไปในที่สุด จึงนับเป็นความสำเร็จของโรงเรียน คณะครู-อาจารย์ และผู้บริหารโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ที่สามารถแก้ไขและป้องการสารเสพติดไม่ให้แพร่กระจายในโรงเรียนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเยาวชนให้เป็นผู้คิดดี เรียนดี และยังสามารถดึงชุมชนผู้ปกครอง และองค์กรภายนอกเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเยาวชนและต่อต้านสารเสพติด ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดียิ่งของโรงเรียนยุคปัจจุบัน