รางวัลเกียรติคุณ สัญญา ธรรมศักดิ์ (ดี) ระดับมัธยมศึกษา ประจำปี ๒๕๔๙-๕๐
ประวัติ :
โรงเรียนไผทอุดมศึกษา ก่อตั้งเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๑๔ มีเนื้อที่ประมาณ 19 ไร่ พล.ต.อ.เผ่า และคุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ เป็นผู้ก่อตั้งโดยมีปณิธานที่มุ่งหวังจะสร้างสถานศึกษาที่ดีมีคุณภาพ อบรมบุตรกุลธิดา โดยดำเนินกิจการเป็นกึ่งสาธารณะกุศลไม่หวังผลกำไร เพื่อ แบ่งเบาภาระของรัฐบาลและเป็นมรดกทางการศึกษาแก่สังคม
สถานที่ตั้ง : เลขที่ ๒๐๑ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๑๐
ปัจจุบัน : โรงเรียนไผทอุดมศึกษาเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ สังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ ๑ ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ทั้งหลักสูตรภาคปกติและ ภาคภาษาอังกฤษ มีนักเรียนชาย-หญิงจำนวน ๔,๐๕๘ คน และครูจำนวน ๔๒๙ คน มี นางพริ้มพราย สุพโปฎกเป็นผู้อำนวยการ
สัญลักษณ์ : อักษร ผ. สีเขียว อ. สีแสด ศ. สีเหลือง ไขว้อยู่ภายในหยดน้ำและใบโพธิ์ทอง หมายความว่า โรงเรียนไผทอุดมศึกษาเป็นแผ่นดินที่ร่มเย็นเป็นสุข อุดมสมบูรณ์ไปด้วยวิทยาการและคุณธรรม ซึ่งเป็นแสงทองนำชีวิตภายใต้ร่มบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีต้นไม้ประจำโรงเรียน คือ ต้นชัยพฤกษ์
สิ่งเคารพสักการะ : ศาลเจ้าพ่อหิรัญฤทธิ
คติพจน์ : เรียนดี กีฬาเก่ง เคร่งวินัย ใฝ่คุณธรรม
ปรัชญา : สุขุม รอบคอบ สามัคคี มีวินัย
วิสัยทัศน์ :
โรงเรียนไผทอุดมศึกษาพัฒนาการจัดการศึกษาสู่อัจฉริยภาพ ได้มาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ เสริมสร้างรากฐานปัญญาทางวิชาการและปัญญาทางอารมณ์ เพื่อพัฒนาให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม และมีทักษะ ก้าวมั่นทันโลกยุคใหม่ และมีความสุข อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไทย โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
บางส่วนของ ...
โรงเรียนไผทอุดมศึกษา
โรงเรียนเชื่อมั่นการบ่มเพาะให้นักเรียนเป็นเยาวชนที่มีพลังปัญญามีคุณภาพและคุณธรรมดำรงอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไทยและความพอเพียงในโลกาภิวัฒน์นั้นมิใช่จะได้มาในชั่วพริบตา ต้องเกิดจากความมุ่งมั่นและจริงจัง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทถึงประโยชน์ของการศึกษาที่มีต่อการพัฒนาประเทศว่า “การนำการศึกษามาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยม และคุณธรรมของบุคคล เพื่อให้เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศก็ย่อมทำได้สะดวกราบรื่น”
โรงเรียนไผทอุดมศึกษาน้อมนำพระบรมราโชวาทมาสู่การพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นถิ่นวิทยาทานมุ่งเน้นการให้ความรู้คู่คุณธรรมแก่เยาวชนของชาติเพื่อเป็นสมบัติอันมีค่าที่จะอยู่กับตัวนักเรียนไปจนตลอดชีวิต ดังนั้นโรงเรียนจึงได้กำหนดหลักการจัดการการศึกษาเพื่อสร้างพลังการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพของโรงเรียนด้วยรูปแบบ ๕ ส.
ส. สมอง
การใช้ทฤษฎีสมองกับการเรียนรู้ เน้นพัฒนาสมองทุกส่วนให้สมดุล พัฒนาทักษะการคิด เพื่อให้นักเรียนมีเหตุผล รอบคอบ ตามหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง: ความมีเหตุผลและรอบคอบ
ส. สติอารมณ์
การพัฒนาความสามารถทางสติ – อารมณ์ (EQ) คุณธรรม จริยธรรมและทักษะทางสังคม สอดแทรกไว้ในทุกช่วงเวลาชีวิตในโดยโรงเรียน
- ช่วงเช้า “กิจกรรมส่งเสริมทักษะชีวิต” การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้เกิดขึ้นในตัวนักเรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น วันจันทร์ นักเรียนได้ศึกษาและรักษาศีลห้า การฝึกสมาธิ วันพุธ การนำนิทานคุณธรรม เช่นนิทานอีสปมาให้นักเรียนอ่านวิเคราะห์เชื่อมสู่ชีวิตประจำวันของนักเรีย
- เวลาเรียนตามกลุ่มสาระ มุ่งเน้นการสอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหรือคุณธรรมเข้าไปสู่ทุกหน่วยการเรียนรู้ เช่น เมื่อนักเรียนเรียนรู้เรื่องการอ่านนาฬิกา ครูจะสอดแทรกคุณธรรม ”ความตรงต่อเวลา”เข้าสู่หน่วยการเรียนนี้ด้วย
ส. สติปัญญา
เพื่อเป็นแหล่งวิทยาทานสำหรับทุกคน โรงเรียนจึงจัดหลักสูตรที่หลากหลาย เพื่อสร้างปัญญาทางวิชาการให้ชาญฉลาด ยืดหยุ่นตามความสนใจและความสามารถ ตอบสนองวิสัยทัศน์และความเจริญของสังคมโลกยุคโลกาภิวัฒน์ เพื่อตอบสนองความแตกต่างของบุคคล เช่น การจัดตั้งหลักสูตรสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เป็นหลักสูตรที่โรงเรียนได้ทำวิจัยขึ้นโดยเฉพาะ เพราะเมื่อก่อนเด็กจะถูกมองว่ามีปัญหา ไม่ได้รับความเข้าใจ ถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสม ซึ่งจริงๆแล้วเด็กกลุ่มนี้จะเป็นสมองที่สำคัญของชาติต่อไป
โรงเรียนพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “การเรียนรู้แบบโครงงานตามแบบไผทอุดมศึกษา” ขั้นตอนแรกของกระบวนการเน้นการสร้างเงื่อนไขความรู้ นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าความรู้ทั่วไปจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย และนำความรู้มาวางแผนและใช้ในการตัดสินใจได้ด้วยความระมัดระวัง ขั้นตอนที่สอง ขั้นตอนการนำความรู้ที่รับสู่การปฏิบัติจริง ขั้นนี้เน้นสามห่วงและเงื่อนไขคุณธรรม คือ นักเรียนต้องรู้ความพอประมาณ ที่จะทำงานตามกำลังและศักยภาพของตน รู้จักให้เหตุ – ผล คิดอย่างรอบคอบ การสร้างภูมิคุ้มกันในการเตรียมพร้อมตนเองทั้งด้านความรู้ ร่างกาย จิตใจ อุปกรณ์ต่างๆก่อนลงมือทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ นอกจากนั้นเนื่องจากงานส่วนใหญ่จะเป็นงานกลุ่ม นักเรียนจึงต้องมีเงื่อนไขคุณธรรม ซื่อสัตย์รับผิดชอบในการทำงานของตนเอง ขยันอดทนมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาระหว่างการทำงาน ใช้สติ การแบ่งปันช่วยเหลือเกื้อกูลในกลุ่มเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ จนขั้นตอนสุดท้าย การนำเสนอ นักเรียนเผยแพร่ความรู้แก่สาธารณะ เป็นการให้วิทยาทานแก่ผู้อื่น นำเข้าผู้อื่นและตนเองเข้าสู่ความสมดุล มั่นคงและ ยั่งยืนในที่สุด
ส. สุขภาพกาย
พัฒนาสมรรถภาพทางกายให้นักเรียนมีร่างกายที่สมบูรณ์เข้มแข็ง โดยจัดโครงการ “ฉลาดบริโภคในโลกแห่งความพอเพียง” เพื่อฝึกนักเรียนให้มีวินัยในการเลือกอาหารอย่างมีคุณค่า และโครงการ “ไม่อ้วนเอาเท่าไร” เพื่อเปิดโอกาสในช่วงเช้าก่อนเข้าเรียนและหลังเลิกเรียนให้นักเรียนมาออกกำลังกายตามความถนัดและความสนใจโดยมีครูพลศึกษาคอยดูแลให้คำปรึกษา
ส. สร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้
โรงเรียนสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาด สวยงาม ร่มรื่น อบอุ่นและปลอดภัยตามที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเรียนรู้เพื่อปลูกฝังและให้นักเรียนซึมซับสิ่งดีๆเข้าสู่จิตสำนึกของนักเรียนและไม่ได้กำจัดอยู่แต่เฉพาะบุคลากรในโรงเรียนเท่านั้น โรงเรียนพยายามเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สู่สังคม เช่น การให้ศึกษาดูงาน การเปิดอบรม และเว็บไซด์ให้บุคคลภายนอกเข้ามาเรียนรู้
โรงเรียนเชื่อมั่นการบ่มเพาะให้นักเรียนเป็นเยาวชนที่มีพลังปัญญามีคุณภาพและคุณธรรมดำรงอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไทยและความพอเพียงในโลกาภิวัฒน์นั้นมิใช่จะได้มาในชั่วพริบตา ต้องเกิดจากความมุ่งมั่นและจริงจัง จึงได้จัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการเรียน ฝึกให้นักเรียนกระทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำจนเป็นวิถีชีวิต ทำให้นักเรียนเป็นผู้มีความรอบรู้ มีภูมิคุ้มกัน เป็นผู้มีจิตสาธารณะ เสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง สมกับความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเป็นแผ่นดินอันอุดมบ่มเพาะเยาวชนของชาติให้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความดีให้เจริญ งอกงาม และพร้อมที่จะเป็นต้นแบบของการจัดการศึกษาให้สังคมเพื่อถวายความจงรักภักดีและตอบแทนคุณของแผ่นดินต่อไป