คำประกาศเกียรติคุณคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๖
นายชำนาญ ท้วมจันทร์
การประกอบอาชีพต่าง ๆ ในสมัยปัจจุบันนี้ มีการแข่งขันกันเพื่อหาหนทางไปสู่ความสำเร็จคือ ผลประโยชน์สูงสุด ฉะนั้นเมื่อใครคิดค้นวิธีการที่ดีในการดำเนินงานได้ ก็จะสงวนไว้เป็นความลับเพื่อตนเองแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ก็ยังมีบุคคลผู้หนึ่งมีน้ำใจเผื่อแผ่รักเพื่อนร่วมอาชีพ นำเรื่องที่ทดลองทำเป็นผลสำเร็จแล้ว เผยแพร่ให้ปฏิบัติตามจนบังเกิดผลดีทั่วกัน บุคคลคนนั้นคือ “นายชำนาญ ท้วมจันทร์”
นายชำนาญ ท้วมจันทร์ อายุ ๕๐ ปี เป็นชาวสุพรรณบุรี จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ อาชีพเกษตรกรรม ปัจจุบันเป็นประธานชมรมผู้พัฒนามะม่วงสุพรรณบุรี เป็นผู้ซึ่งมีชีวิตผูกพันกับการเกษตรมาโดยตลอด มีความสนใจศึกษาทดลองการเกษตรและเทคโนโลยีแผนใหม่อยู่เสมอ เริ่มด้วยการทำนาสืบทอดกันมา เห็นว่าราคาข้าวมีความไม่แน่นอน ค่าแรงสูง ต้องประสบกับการขาดทุน จึงคิดหาทางอื่นมาเพิ่มเติม ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้ริเริ่มทดลองปลูกมะม่วงขึ้นเป็นครั้งแรก ต้องพบอุปสรรคนานัปการ แต่ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ การปลูกมะม่วงจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ นายชำนาญฯ จึงได้พยายามเผยแพร่ความคิด แนะนำเพื่อนบ้านให้หันมาปลูกมะม่วง ซึ่งต้องเรียกร้องความสนใจโดยให้หยิบยืมพันธุ์มะม่วงไปปลูก จึงมีผู้เริ่มทำตาม เรื่องการทำนาก็ยังไม่ละทิ้ง ได้ทดลองทำนาปรัง ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้ผลผลิตดีกว่าเดิม ได้แนะนำให้ชาวนาข้างเคียงทำตามอย่างกว้างขวาง จนถึงปี ๒๕๒๓ ได้นำวิธีทำนาหว่านน้ำตมแทนการปักดำ ได้ผลผลิตสูงกว่านาปรัง ชาวนาก็หันมาทำนาหว่านน้ำตมกันมาก
อย่างไรก็ดี ในเรื่องมะม่วงซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ นายชำนาญฯ ก็ดำเนินการเรื่อยมา โดยได้แสวงหาวิธีการใหม่ ๆ มาปรับปรุงอยู่เสมอ ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้นำเทคโนโลยีแผนใหม่บังคับให้มะม่วงออกผลนอกฤดูเป็นคนแรกของจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรทำรายได้สูงขึ้น มีเกษตรกรจำนวนมากนิยมปลูกมะม่วง จึงได้รวมกลุ่มจัดตั้ง “ชมรมผู้พัฒนามะม่วงจังหวัดสุพรรณบุรี” ขึ้น ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ชมรมนี้เริ่มต้นด้วยสมาชิกเพียง ๘๐ ราย ถึงปัจจุบันมีสมาชิกเกือบ ๕๐๐ ราย มีพื้นที่ปลูกมะม่วงประมาณหนึ่งหมื่นไร่ นายชำนาญฯ ได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรมฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา ๔ ปีแล้ว ชมรมฯ ให้ความรู้แก่สมาชิกอย่างต่อเนื่องทุกแง่มุม เมื่อมีปัญหาขาดแคลนน้ำก็ได้นำระบบน้ำหยดมาใช้ เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ บัดนี้การปลูกมะม่วงได้ขยายไปทั่วทุกอำเภอของจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ทำรายได้ปีละประมาณ ๑๘๐ – ๒๐๐ ล้านบาท ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ นายชำนาญฯ ได้ประสานงานจัดกิจกรรมวันตลาดนัดมะม่วงสุพรรณบุรี เกษตรกรสามารถขายมะม่วงได้ ๑๐๐ – ๒๐๐ ตันต่อวัน นายชำนาญฯ เป็นผู้แนะนำและกระตุ้นให้จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นแหล่งผลิตมะม่วงแหล่งใหญ่ ที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และได้พยายามศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ มาเผยแพร่อยู่เสมอ นอกจากการปลูกมะม่วงแล้ว มีเรื่องการเกษตรอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เมื่อดำเนินการเป็นผลดีก็เผยแพร่ให้เพื่อนเกษตรกรนำไปปฏิบัติ จนเกิดประโยชน์แบ่งปันกันในหมู่เพื่อนเกษตรกรโดยทั่วหน้า ทำให้เศรษฐกิจของส่วนรวมดีขึ้นเป็นอย่างมาก
มูลนิธิธารน้ำใจได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรยกย่องให้ นายชำนาญ ท้วมจันทร์
“เป็นคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๖”