คำประกาศเกียรติคุณคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๔
นายแพทย์ธาดา ชาคร
ปัจจุบันนี้ แพทย์ที่มีความรู้ความสามารถและมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อประโยชน์ของปวงชนโดยไม่หวังลาภ ยศ สรรเสริญ มีไม่มากนัก แต่ก็ยังมีแพทย์คนหนึ่งที่ได้อุทิศตน ทุ่มเทเวลา และความสามารถทางวิชาการการบริการและบริหารโรงพยาบาลในความรับผิดชอบให้เจริญก้าวหน้าไปเป็นอันมาก นายแพทย์ผู้นั้น คือ “นายแพทย์ธาดา ชาคร”
นายแพทย์ธาดา ชาคร อายุ ๕๙ ปี จบการศึกษาแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม (นายแพทย์ ๙) และรักษาราชการผู้อำนวยการโรงพยาบาลทรวงอก กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข อีกตำแหน่งหนึ่ง เข้ารับราชการที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ในสมัยที่มีชื่อเรียกว่า “กองโรงพยาบาลวัณโรค” มีหน้าที่รักษาผู้ป่วยวัณโรค ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่น่ากลัวมากในสมัยนั้น เพื่อปรับปรุงตัวเองให้มีความรู้ความสามารถในด้านนี้ นายแพทย์ธาดา ชาคร จึงรับทุน British Council ไปศึกษาเรื่อง วัณโรคและโรคทรวงอก ที่ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา ๑ ปี เสร็จแล้วได้เข้าทำงานทางอายุรศาสตร์ทรวงอก โรคหัวใจ และหลอดเลือด ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ในประเทศอังกฤษ เป็นเวลาร่วม ๕ ปี จนสามารถสอบเป็น Member-ship of Royal College Of Physicians Of Edinburgh ได้ ซึ่งมีศักดิ์เทียบเท่าปริญญาเอก เมื่อได้ความรู้และมีความสามารถบริบูรณ์แล้ว ก็รีบกลับมาทำงานโรงพยาบาลโรคทรวงอกทันที
การปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ ทุ่มเทเวลา ยอมเสียสละความสุขส่วนตัว ทำให้กิจการของโรงพยาบาลโรคทรวงอกเจริญก้าวหน้าเป็นอันมาก เปิดบริการตรวจรักษาโรคทรวงอกทุกชนิด เช่น วัณโรค โรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ตลอดจนรับตรวจและบำบัดรักษาผู้ป่วยที่ส่งมาจากโรงพยาบาลอื่น ๆ ในระดับที่ 3 (Tertiary Care) มีการศึกษาวิจัยเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ฝึกอบรมความรู้แพทย์เฉพาะทาง สนับสนุนงานศัลยศาสตร์ทรวงอก สอนเจ้าหน้าที่แพทย์ของโรงพยาบาลและแพทย์ประจำบ้านหลังปริญญา ซึ่งส่งมาจากโรงพยาบาลอื่น การผ่าตัดหัวใจในโรงพยาบาลนี้ ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าโรงพยาบาลเอกชนหลายเท่า ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ารับการรักษาได้ นายแพทย์ธาดา ชาคร ได้ริเริ่มจัดทำเครื่องกระตุ้นหัวใจ “Pace Maker” ราคาต่ำกว่าที่สั่งจากต่างประเทศ การบริการของโรงพยาบาลดำเนินการอย่างดี เป็นที่นิยมของประชาชนคนไทยและชาวต่างประเทศ ขณะนี้ต้องขยายเตียงเป็น ๖๐๐ เตียง
ความก้าวหน้าทางวิชาการของโรงพยาบาลโรคทรวงอก โดยเฉพาะด้านโรคหัวใจและโรคปอด สามารถทัดเทียมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนภายในประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะนายแพทย์ธาดา ชาคร เป็นผู้ที่มีความเสียสละ อุทิศตนเพื่อบรรลุผลสำเร็จในการรักษาพยาบาล ไม่สนใจที่จะลาออกไปทำงานโรงพยาบาลเอกชนที่ให้ค่าตอบแทนสูง ๆ หรือ ไปดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารที่ไม่มีโอกาสทำการรักษาพยาบาล ความตั้งใจและการดำรงตนของนายแพทย์ธาดา ชาคร ที่กล่าวมาโดยย่อ สมควรจะยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับแพทย์และข้าราชการโดยทั่วไป
มูลนิธิธารน้ำใจได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรยกย่องให้ นายแพทย์ธาดา ชาคร
“เป็นคนไทยตัวอย่างประจำปี ๒๕๓๔”